ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซต์ที่จะชี้แนวทางในการเป็นเศรษฐีเงินล้านอย่างมีความสุข www.coursetorich.com นะครับ
หลัง จากที่ไม่ได้เขียนบทความมาเกือบจะเป็นปี มาวันนี้ ด้วยความคิดถึงพี่น้องที่คอยติดตามบทความดีๆของ Mr. Wealthy ก็เลยอดไม่ได้ที่จะมาเปิดเผยวิธีการเป็นเศรษฐีเงินล้านอย่างมีความสุข ให้กับทุกท่านได้เรียนรู้กัน ซึ่งในตอนนี้ มีชื่อว่า “อยากรวยทำไง?”
ถ้าทุกท่านพร้อมแล้ว ก็เรียนเชิญทุกท่านไปเรียนรู้กันเลย ณ บัดนี้
อยากรวยทำไง?(ตอนที่15)
หลังจากที่ทุกท่านได้เรียนรู้ไปแล้ว ใน ตอนที่ 1 , ตอนที่ 2 , ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9 ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12 ตอนที่ 13 และ ตอนที่ 14 เกี่ยวกับ การเป็นคนรวยเงินล้าน
ซึ่งสรุปสั้นๆคือ
1)ท่านต้องมีสิ่งที่จะนำไปแลกเงินล้าน
2)สิ่งที่จะนำไปแลกเงินล้านต้องเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้กับผู้คน
3)สิ่งที่จะนำไปแลกเงินล้านต้องตอบสนอง ความจำเป็น หรือ ความต้องการ
4) ตั้งเป้าหมายด้านการเงินให้ชัดเจนและเขียนมันออกมา
5) เลือกที่จะอยู่ฝั่ง Active Income หรือ ฝั่ง Passtive Income
6) ฝั่ง Passive Income คือ เป้าหมายหลักในการสร้างรายได้ให้กับเรา
7) การสร้างเครื่องจักรปั๊มเงินล้าน คือ เป้าหมายหลักของเรา
8) วิเคราะห์หาสาเหตุแห่งความยากจน
9) กระบวนการเปลี่ยนความคิดเพื่อพิชิตเงินล้าน
10) กฏแห่งแรงดึงดูด ซึ่งสรุปได้ว่า ความคิด = ความจริง (คิดอย่างไรเป็นแบบนั้น)
11) การวิเคราะห์ว่า อาชีพไหนที่ทำให้รวยได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สาย คือ Active & Passive
12) การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเสมอ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อความร่ำรวย
13) การมีเงินล้านในชั่วข้ามคืนด้วยการทำให้คน “รู้จักสิ่งที่ท่านกำลังขาย”ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
14)การทำบุญจะส่งผลให้รวยเร็วขึ้นหลายเท่า
ดังนั้น ในบทเรียนวันนี้ ผมจะพาท่านไปทำความเข้าใจ เกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่สุด คือ “การวิเคราะห์วิธีหาเงินสี่รูปแบบ”
ถ้าท่านได้ทำความเข้าใจวิธีหาเงินสี่แบบนี้แล้ว ท่านจะเข้าใจความเป็นมาเป็นไปทำหมดว่า “ทำไมที่ผ่านมา ท่านถึงไม่รวย?????” และนี่จะเป็นคำตอบว่า “อยากรวยทำไง???”
ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปเรียนรู้กันเลยครับ
ช่องทางการหาเงินจะมีสี่ด้าน หรือสี่ทางเลือกด้วยกัน แต่ละแบบก็จะทำให้รวยหรือหาเงินได้มากน้อยต่างกัน คนส่วนใหญ่จะไม่รวยเพราะเลือกช่องทางการหาเงินที่ไม่ทำให้รวย เช่น การเป็นลูกจ้าง
แนวทางการหาเงินทั้ง 4 ด้าน
รูปแบบที่ 1 : การเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือลูกจ้าง
คนส่วนใหญ่จะเป็นลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือน เพราะเป็นงานที่หาเงินได้ง่ายกว่าการหาเงินแบบอื่น ขอเพียงมีความรู้ มีวุฒิการศึกษา ก็สามารถสมัครงานในตำแหน่งที่จบมาได้ การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นยากจะรวยหมือนการหาเงินแบบอื่นๆ
ข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือน
– มีเงินเดือนที่มั่นคง มีเงินเข้าทุกเดือน
– มีโบนัส
– ทำงานสบาย รับผิดชอบเฉพาะบางเรื่องเท่านั้น
– ไม่เสี่ยง
ข้อเสียของการเป็นมนุษย์เงินเดือน
– ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ได้รับตำแหน่งงานที่ดี หรือเลื่อนขั้น หรือได้รับการจ้างงานต่อ
– เงินเดือนสูงอาจจะถูกจ้างออก
รูปแบบที่ 2 : การเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง
มนุษย์ เงินเดือนบางคนอาจจะผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจ จากเดิมอาจจะเป็นพนักงานซ่อมคอมพิวเตอร์ เมื่อมีความชำนาญมีเงินทุนมากพอแล้ว ก็อาจจะมาเปิดร้านของตนเอง เป็นเจ้าของร้านเอง อาจจะมีลูกจ้าง โอกาสรวยก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ กรณีของการเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์นั้น อาจจะไม่รวย เพราะความารถในการซ่อมต่อเครื่องอาจจะจำกัดตามกำลังและเวลา แต่งานบางอย่าง อย่างการขายอาหารขายสินค้า จะมีโอกาสทำเงินได้มากกว่า โดยเฉพาะการขายสินค้าส่งขายไปทั่วประเทศ
ข้อดีของการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง
– มีอิสระในการทำงาน
– มีร้านของตนเอง สามารถหยุดพักได้ตามต้องการ
ข้อเสียของการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง
– ต้องเอาใจใส่กับลูกค้า
– หยุดทำ ปิดร้านบ่อยไม่ดี ลูกค้าหนีหมด
– ต้องเปิดบริการทุกวัน ถึงจะมีรายได้ ต้องทำจึงจะได้เงิน
– สุขภาพสำคัญ หากป่วย ทำงานไม่ได้ก็จบกัน
– สภาพเศรษฐกิจอาจจะทำให้ร้านมีปัญหาได้
รูปแบบที่ 3 : การเป็นเจ้าของกิจการ
กรณีนี้รายรับก็จะเริ่มมากขึ้น จากการเปิดร้านขายอาหาร ก็อาจจะทำเป็นแฟรนไชน์ เพื่อให้คนอื่นมาร่วมลงทุนได้ ยิ่งมีสาขามากก็ยิ่งทำเงินได้มาก
ข้อดีของการเป็นเจ้าของกิจการ
– มีโอกาสทำเงินได้มาก หากมีหลายสาขา
– ไม่ต้องลงมือทำเอง เน้นการบริหาร จ้างคน
ข้อเสียของการเป็นเจ้าของกิจการ
– ความเสี่ยงสูง หากมีหลายสาขา
– ลงทุนสูง หากไปไม่รอด ก็จะขาดทุนมาก
– ต้องมีระบบการทำงานที่ดี กิจการถึงจะไปได้ดี
รูปแบบที่ 4 : การเป็นนักลงทุน
การเป็นนักลงทุนอาจจะเป็นการเล่นหุ้น ซื้อตราสารหนี้ เป็นช่องทางทำเงินสำหรับคนมีทุนมาก มีเงินมาก ก็นำเงินไปเล่นหุ้น หลายคนร่ำรวยอย่างมากจากการเล่นหุ้น จากที่ลงทุนหลักแสน อาจจะมีเงินมากถึงหลักล้านในอนาคต หากราคาหุ้นปรับตัวสูงมากขึ้น
ข้อดีของการเป็นนักลงทุน
– ใช้เงินทำงาน ไม่เหนื่อย ไม่ต้องมีพนักงาน ข้าวของเครื่องใช้ เน้นเอาเงินไปลงทุน
– มีโอกาสทำกำไรได้มาก หากทุนมากและเลือกการลงทุนได้ดี เช่น ซื้อทอง จากบาทละ 20000 ในอีก 2 ปี ทองปรับราคาขึ้นไปบาทละ 25000 ก็จะทำกำไรได้มาก
ข้อเสียของการเป็นนักลงทุน
– การเล่นหุ้นไม่ได้ทำให้ทุกคนรวย
– ต้องมีเงินทุนมาก ถึงจะมีรายรับมาก โดยเฉพาะการเล่นหุ้น
– ต้องศึกษาหาความรู้ค่อนข้างมาก เพื่อป้องกันความเสี่ยง
เมื่อรู้จักช่องทางทำเงินทั้ง 4 ด้านแล้ว เราก็อาจจะนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเราเอง เช่น เป็นมนุษย์เงินเดือน อาจจะนำเงินบางส่วนไปซื้อหุ้นเก็บไว้ หรือลองทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง เมื่อไปได้ดีแล้ว ก็อาจจะลาออกมาทำเต็มตัว ก็จะทำให้มีรายรับมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
http://variety.siamebook.com
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน ผมมี VDO ให้ท่านได้ไปทำความรู้จัก เงินสี่ด้าน เพิ่มเติม
ท่านสามารถคลิกดูที่ VDO ข้างล่างได้เลยครับ
หมายเหตุ : เงินสี่ด้าน ไม่จำเป็นต้องใช้ได้ดีเฉพาะธุรกิจเครือข่าย MLM เสมอไปครับ มันใช้ได้ดีกับทุกๆรูปแบบธุรกิจเลยครับ และที่สำคัญคือ มีวิธีการอยู่มากมายที่จะทำให้ คนจน(ที่เขาเรียกว่าฝั่งซ้าย) ย้ายไปอยู่ฝั่งของ คนรวย(ที่เขาเรียกว่าฝั่งขวามือ)ได้โดยไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจเครือข่ายเสมอไป เพราะแนวทางของแต่ละคน ย่อมแตกต่างกันตามความชอบและทัศนคติส่วนตัว
ก็อีกเช่นเคยนะครับ สำหรับบทความเรื่อง “อยากรวยทำไง?(ตอนที่ 15 )” นี้ ผมคิดว่าคงจะมีประโยชน์กับทุกท่าน
อย่าลืม แชร์บทความนี้ให้คนอื่นได้เรียนรู้ รึไม่ก็ กระแทก Like แรงๆ เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ปล. สำหรับใครที่ยังไม่ลงทะเบียนเรียนรู้เคล็ดลับเศรษฐี ก็อย่าช้าเลยครับ ฝั่งขวามือของท่าน จะมีช่องให้ท่านได้ กรอกชื่อ และ อีเมล์ เพื่อเรียนรู้เคล็ดลับเศรษฐีกันแบบฟรีๆ
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ศรัทธาจะนำมาซึ่งความสำเร็จเสมอ
Mr. Wealthy