ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซต์ที่จะชี้แนวทางในการเป็นเศรษฐีเงินล้านอย่างมีความสุข www.coursetorich.com นะครับ
หลัง จากที่ไม่ได้เขียนบทความมาเกือบจะเป็นปี มาวันนี้ ด้วยความคิดถึงพี่น้องที่คอยติดตามบทความดีๆของ Mr. Wealthy ก็เลยอดไม่ได้ที่จะมาเปิดเผยวิธีการเป็นเศรษฐีเงินล้านอย่างมีความสุข ให้กับทุกท่านได้เรียนรู้กัน ซึ่งในตอนนี้ มีชื่อว่า “อยากรวยทำไง?”
ถ้าทุกท่านพร้อมแล้ว ก็เรียนเชิญทุกท่านไปเรียนรู้กันเลย ณ บัดนี้
อยากรวยทำไง?(ตอนที่14)
หลังจากที่ทุกท่านได้เรียนรู้ไปแล้ว ใน ตอนที่ 1 , ตอนที่ 2 , ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9 ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12 และ ตอนที่ 13 เกี่ยวกับ การเป็นคนรวยเงินล้าน
ซึ่งสรุปสั้นๆคือ
1)ท่านต้องมีสิ่งที่จะนำไปแลกเงินล้าน
2)สิ่งที่จะนำไปแลกเงินล้านต้องเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้กับผู้คน
3)สิ่งที่จะนำไปแลกเงินล้านต้องตอบสนอง ความจำเป็น หรือ ความต้องการ
4) ตั้งเป้าหมายด้านการเงินให้ชัดเจนและเขียนมันออกมา
5) เลือกที่จะอยู่ฝั่ง Active Income หรือ ฝั่ง Passtive Income
6) ฝั่ง Passive Income คือ เป้าหมายหลักในการสร้างรายได้ให้กับเรา
7) การสร้างเครื่องจักรปั๊มเงินล้าน คือ เป้าหมายหลักของเรา
8) วิเคราะห์หาสาเหตุแห่งความยากจน
9) กระบวนการเปลี่ยนความคิดเพื่อพิชิตเงินล้าน
10) กฏแห่งแรงดึงดูด ซึ่งสรุปได้ว่า ความคิด = ความจริง (คิดอย่างไรเป็นแบบนั้น)
11) การวิเคราะห์ว่า อาชีพไหนที่ทำให้รวยได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สาย คือ Active & Passive
12) การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเสมอ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อความร่ำรวย
13) การมีเงินล้านในชั่วข้ามคืนด้วยการทำให้คน “รู้จักสิ่งที่ท่านกำลังขาย”ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ดังนั้น ในบทเรียนวันนี้ ผมจะพาท่าน ได้ไปทำความเข้าใจ วิธีการที่สำคัญที่จะทำให้ท่าน “เป็นเศรษฐีเงินล้าน” ซึ่งแนวคิดหลักมาจาก “ผู้รู้ที่สุดในจักรวาล” นั่นคือ “องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” นั่นเอง
ถูกต้องแล้วครับ “พระพุทธเจ้า ได้บอกวิธีที่จะทำให้ทุกท่านเป็นเศรษฐีได้อย่างง่ายๆ” ผ่านกระบวนการที่มีชื่อว่า “บุญกิริยาวัตถุ 10” นั่นเอง
ท่านต้องตั้งใจอ่านบทความนี้แบบ “ตั้งอกตั้งใจอย่างเต็มที่ โดยหยุดกิจกรรมทั้งหมดที่ท่านกำลังทำอยู่”
เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ท่าน มีเงินล้านได้ คือ “บุญ” ยิ่งท่านมี บุญมาก ท่านก็จะมีเงินมากๆเช่นเดียวกัน และที่สำคัญที่สุดคือ “การทำบุญบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว”
ถูกต้องแล้วครับ เพราะถึงแม้ท่านจะเรียนรู้วิธีรวยตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 13 แล้ว ท่านยังไม่รวยซักที ให้ท่านพึงรู้ไว้เถิดครับว่า ท่านยังขาดสิ่งหนึ่งไป นั่นคือ “การสั่งสมบุญบารมี“
คนที่เข้าใจกฏข้อนี้ ล้วนกลายเป็นเศรษฐีด้วยกันทั้งสิ้นครับ
ก่อนที่ผมจะสามารถหาเงินล้านได้ ผมต้องทำอะไรที่แตกต่างจากคนทั่วไปถึง 10 เท่า ไม่ว่าจะเป็น
– อ่านหนังสือเกี่ยวกับวิธีหาเงินเป็น 1,000 กว่าเล่ม
– ดู VDO สื่อการเรียนรู้ ไม่ต่ำกว่า 1,000 เรื่อง
– สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับวิธีหาเงินล้าน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชั่วโมง
– สัมภาษณ์เศรษฐีและคนที่ประสบความสำเร็จไม่ต่ำกว่า 100 คน
– ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ผมมีทักษะในการหาเงินล้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ยิ่งผมเรียนรู้เพิ่มขึ้น เงินรายได้ผมก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว”
นอกจากการที่ผมจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้ผมรวยแล้ว ลำดับต่อมา ผมก็แค่
“ทำให้คนรู้จักสิ่งที่ท่านกำลังขาย ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
จากนั้น ผมก็ “สั่งสมบุญบารมี” ผ่านแนวทางของ “บุญกิริยาวัตถุ 10” นี่เอง
แล้วท่านละครับ ในแต่ละวันของท่าน ท่านได้ทำบุญรึยัง?
– ท่านรู้จักหรือไม่ว่า การทำบุญคืออะไร ?
– ท่านรู้จักหรือไม่ การทำบุญให้ได้บุญต้องทำอย่างไร?
– เพื่อนที่ท่านคบ เป็นคนที่มีบุญ หรือ มีบาป?
ดังนั้น วันนี้ ผมจะมาบอกเคล็ดลับที่จะทำให้ท่านเป็นเศรษฐีได้ง่ายๆ นั่นคือ การทำตามบุญกิริยาวัตถุ 10 นั่นเอง
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ คือ สิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ หรือกล่าวอย่างง่ายๆว่า การกระทำที่เกิดเป็นบุญ เป็นกุศล แก่ผู้กระทำดังต่อไปนี้
๑. บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน (ทานมัย) คือการเสียสละนับแต่ทรัพย์ สิ่งของ เงินทอง ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม รวมถึงการละกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากจิตใจ จนถึงการสละชีวิตอันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเพื่อการปฏิบัติธรรม
๒. บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล (สีลมัย) คือการตั้งใจรักษาศีล และการปฏิบัติตนไม่ให้ละเมิดศีล ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ของอุบาสกอุบาสิกา ศีล ๑๐ ของสามเณร หรือ ๒๒๗ ข้อของพระภิกษุ เพื่อรักษากาย วาจา และใจ ให้บริสุทธิ์สะอาด พ้นจากกายทุจริต ๔ ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการลักทรัพย์ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม และเสพสิ่งเสพติดมึนเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท วจีทุจริต ๔ ประการ คือไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดปด ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดคำหยาบ มโนทุจริต ๓ ประการ คือ ไม่หลงงมงาย ไม่พยาบาท ไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม
๓. บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา (ภาวนามัย ) คือการอบรมจิตใจในการละกิเลส ตั้งแต่ขั้นหยาบไป จนถึงกิเลสอย่างละเอียด ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นโดยใช้สมาธิปัญญา รู้ทางเจริญและทางเสื่อม จนเข้าใจอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์ บรรลุมรรค ผล นิพพานได้ในที่สุด
๔. บุญสำเร็จได้ด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ (อปจายนมัย) คือการให้ความเคารพ ผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ ๓ ประเภท คือ ผู้มี วัยวุฒิ ได้แก่พ่อแม่ ญาติพี่น้องและผู้สูงอายุ ผู้มี คุณวุฒิ หรือคุณสมบัติ ได้แก่ ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ และผู้มี ชาติวุฒิ ได้แก่พระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์
๕. บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย) คือ การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม โดยเฉพาะทางพระพุทธศาสนา เช่น การชักนำบุคคลให้มาประพฤติปฏิบัติธรรม มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ในฝ่ายสัมมาทิฎฐิ
๖. บุญสำเร็จได้ด้วยการให้ส่วนบุญ (ปัตติทานมัย) คือ การอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้กระทำไว้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วย ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ ได้ทราบข่าวการบุญการกุศลที่เราได้กระทำไป
๗. บุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา (ปัตตานุโมทนามัย) คือ การได้ร่วมอนุโมทนา เช่น กล่าวว่า “สาธุ” เพื่อเป็นการยินดี ยอมรับความดี และขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็ขอให้ได้มีโอกาสได้แสดงการรับรู้ด้วยใจปีติยินดีในบุญกุศลนั้น ผลบุญก็จะเกิดแก่บุคคลที่ได้อนุโมทนาบุญนั้นเองด้วย
๘. บุญสำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย) คือ การตั้งใจฟังธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้วก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น บรรเทาความสงสัยและทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้ก็พยายามนำเอาความรู้และธรรมะนั้นนำไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ สู่หนทางเจริญต่อไป
๙. บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย) คือ การแสดงธรรมไม่ว่าจะเป็นรูปของการกระทำ หรือการประพฤติปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ ในทางที่ชอบ ตามรอยบาทองค์พระศาสดา ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น หรือการนำธรรมไปขัดเกลากิเลสอุปนิสัยเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา มาประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไป
๑๐. บุญสำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์) คือ ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระหรือที่ไม่ใช่แก่นสารสาระ ทางเจริญทางเสื่อม สิ่งอันควรประพฤติสิ่งอันควรละเว้น ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็นสัมมาทิฏฐิอยู่เสมอ
บุญ กิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้ ผู้ใดได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือยิ่งมากจนครบ ๑๐ ประการแล้ว ผลบุญย่อมเกิดแก่ผู้ได้กระทำมากตามบุญที่ได้กระทำ ยิ่งได้มีการเตรียมกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ตั้งใจจรดเข้าสู่ศูนย์กลางกาย หยุดในหยุด เข้าไปแล้วก็ยิ่งได้รับบุญมหาศาลตามความละเอียดประณีตที่เข้าถึงยิ่งๆ ขึ้นไป
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
http://www.dhammakaya.org/dhamma/boon01.php
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน ผมมี VDO ให้ท่านได้ไปทำความรู้จัก บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการเพิ่มเติม
ท่านสามารถคลิกดูที่ VDO ข้างล่างได้เลยครับ
ก็อีกเช่นเคยนะครับ สำหรับบทความเรื่อง “อยากรวยทำไง?(ตอนที่ 14 )” นี้ ผมคิดว่าคงจะมีประโยชน์กับทุกท่าน
อย่าลืม แชร์บทความนี้ให้คนอื่นได้เรียนรู้ รึไม่ก็ กระแทก Like แรงๆ เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ปล. สำหรับใครที่ยังไม่ลงทะเบียนเรียนรู้เคล็ดลับเศรษฐี ก็อย่าช้าเลยครับ ฝั่งขวามือของท่าน จะมีช่องให้ท่านได้ กรอกชื่อ และ อีเมล์ เพื่อเรียนรู้เคล็ดลับเศรษฐีกันแบบฟรีๆ
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ศรัทธาจะนำมาซึ่งความสำเร็จเสมอ
Mr. Wealthy